Feast day
บอร์ส
และ เบลโอเบรีสกำลังหมอบเหนือกองไฟลุกโพลง เหมืนในภาพวาด..
*แต่ทำไมพวกเขาไปกันเร็วนักเล่า*
บอร์สถามอย่างมีข้อกังขา
*ข้าไม่เคยเห็นกองทัพที่ไหนยกกำลังมาล้อมเมืองไว้แต่ก็ยกทัพกลับอย่างรวดเร็วขนาดนั้น
โดยที่พวกเขารื้อถอนค่ายไปเพียงแค่ชั่วข้ามคืนหายไปหมดเหมือนถูกลมหอบไป*
*คงจะได้ข่าวร้าย
คงจะต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลในอังกฤษเกิดขึ้นก็เป็นได้*
*ถ้าพวกเขาต้องการยกโทษให้ลานสล๊อตก็คงส่งสาสน์มาแล้ว*
*ดูแปลกอยู่หรอกโดยกลับไปปุบปับโดยไม่บอกกล่าว*
*มีพวกบรรพชนอยู่นี่นา*
เบลโอเบรีสเห็นพ้องออกอาการมึนงง
*ข้าไม่คิดว่าเป็นเรื่องกบฏนะ
ข้าคิดว่าพระราชาทรงประชวร และต้องอัญเชิญกลับโดยด่วน หรือไม่การเวกต้องป่วยหนัก ที่โดนลานสล๊อตฟาดด้วยโล่
ให้เป็นกำนัลถึงสองครั้ง อาจจะโดนที่ศิรษะของเขาอย่างจัง*
*ก็เป็นได้*
บอร์สเคาะไฟแรงๆ
*จากไปแบบนั้น แล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ*
*ทำไมลานสล๊อตไม่ทำอะไรบ้างละ*
*จะให้เขาทำอะไรได้*
*ไม่รู้สิ*
*พระเจ้าอยู่หัวขับเขาออกจากประเทศนี่*
*ใช่*
*ง้นก็ไม่มีอะไรให้ทำเลย*
*ถึงอย่างไร*
เบลโอเบริส กล่าว *ข้าก็หวังว่าเขาจะทำอะไรบ้าง*
ประตูที่ตีนบันไดเปิดออกพร้อมด้วยเสียงย่ำบันไดเวียนลงมาจากหอคอยเล็ก
พรมทำด้วยต้นกกตั้งตรงขึ้น ควันพวยพุ่งจากกองไฟในเตา
และเสียงของลานสล๊อตดังรอดเสียงลมลั่น
*บอร์ส เบลโอริส เดมาริส*
*อยู่ตรงนี้*
*ตรงไหน*
**บนนี้
ได้ยินเสียงประตูปิดดังมาไกลๆ ความเงียบกลับเข้ามาในห้อง เสื่อทอต้นกกล้มลงพื้นกลับเข้าที่เดิม
และเสียงฝีเท้าของลานสล๊อตดังชัดเจนขึ้นสะท้อนก้องตามขั้นบันใดหิน ทั้งๆที่เมื่อสักครู่เสียงตะโกนของเขาฟังแทบไม่ออก
เขาเข้ามาอย่างรีบร้อนมือถือจดหมาย ลั่นเสียงกระแอมไอ *บอร์ส เบลโอริส เดมาริส*
*ข้าตามหาเจ้าอยู่*
*มีจดหมายมาจากอังกฤษ*
พวกเขายืนขึ้น
*นกส่งสารถูกพัดขึ้นฝั่ง ไกลจากชายฝั่งที่นี่ขึ้นไปห้าไมล์*
*เราต้องออกเดินทางทันทีเลย*
*”ปอังกฤษหรือ*
*ใช่*
*ฬว่
ไปอังกฤษซิ ข้าได้บอกไลน์โอแนล ให้จัดการเรื่องพาหนะแล้ว
และข้าต้องการให้เจ้า บอล์ส จัดการเรื่องเสบียงนะ*
*เราต้องรอให้กำลังลมอ่อนตัวลงก่อน*
*เราจะไปทำไมหรือ*
บอล์สถาม *ท่านต้องบอกเราว่ามีข่าวอะไร*
*ข่วหรือ*
*ข่าหรือ*
เขาพูดตะกุกตะกักสุ้มเสียงคลุมเครือ
*ยังไม่มีเวลาสำหรับช่าวหรอก
ข้าจะเล่าให้ฟังในเรือ เอ้า อ่านจดหมายนี่ก่อน*
เขายื่นจดหมายให้บอล์ส
แล้วออกไปก่อนที่พวกเขาจะทันตอบ *ว่าไง*
*อ่านสิ*
*ข้าไม่รู้ว่าใครเขียนมาด้วยซ้ำ*
*อ่านไปก็คงรู้เองน่า*
ลานสล๊อตกลับเข้ามาก่อนที่พวกเขาจะอ่านได้ไปไกลกว่าวันที่
*เบลโอโบริส*เขาบอก *ข้าลืมไป
ข้าต้องการให้เจ้าดูแลเรื่องม้า เอาจดหมายมาก่อน ถ้าเจ้าสองคนค่อยๆสะกดละก็
เจ้าต้องอ่านอยู่ทั้งคืนแน่*
*เขียนมาว่าอย่างไรละ*
*ข่าวนี้มาจากนกสื่สาร
ดูเหมือนว่า มอร์เดร๊ดเป็นกบฏต่อพระเจ้าอาณ์เธอร์ ประกาศตนเป็นประมุขแห่งอังกฤษ
และเขาได้ขอให้ วอนีเวียร์ แต่งงานกับเขา*
*แต่นางแต่งงานแล้วนี่*
เบลโอเบรีสท้วง
*นั่นเป็นสาเหตูที่พวกนั้นเลิกปิดล้อมพวกเราไง*
*แล้วดูเหมือนว่ามอร์เดร้ดยกทัพไปรวมที่เค็นต์
เพื่อขัดขวางไม่ให้พระเจ้าอยู่หัวขึ้นฝั่ง*
*เขาประกาศไปว่าพระเจ้าอาร์เธอร์ทรงสวรรคตแล้ว*
*เขากำลังล้อมจับพระราชินีโดยระดมยิงปืนใหญ่ไปที่หอคอยแห่งลอนดอน*
*ปืนใหญ่*
*ใช่
เขามารอพบอาร์เธอร์ที่โดเวอร์ และทำการสู้รบเพื่อมิให้พระองค์ขึ้นฝั่ง สู้กันทั้งบนบกและในน้ำ
แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นฝั่งได้ รอวันประกาศชัยชนะ*
*ใครส่งจดหมายมา*
ลานสลอ๊ตทรุดตัวลงนั่งทันที
*มาจาก ขุนพลการเวก*
*การเวกที่น่าสงสาร
เขาตายแล้ว*
เบลโอเบริสตั้งกระทู้
*ตายแล้วเขียนได้อย่างไร*
*สารนั้นอ่านแล้วน่าสลดใจเหลือเกิน*
*การเวกเป็นคนดี
พวกเจ้าทุกคนที่บังคับให้ข้าสู้กับเขา โดยไม่ได้เห็นแก่จิตใจที่งดงามของเขา*
*อ่าซิ* ฮอร์สบอกกล่าวอย่างร้อนใจ
*ดูเหมือนว่าแผลที่ข้าฟาดหัวเขามันฉกรรจ์มาก
เขาไม่ควรจะรีบเดินทางไปหรอก แต่เขาว้าเหว่ทุกข์ทรมานและถูกหักหลัง*
น้องชายคนเล้กกลายเป็นคนทรยศ เขายากรานจะกลับไปช่วยพระเจ้าอยู่หัว ในศึกตอนขึ้นฝั่ง
เขาพยายามจะสู้ เคราะห์ร้ายเขาถูกตีซ้ำตรงลอยแผลเก่า และเสียชีวิตในอีกสองสามชั่วโมง
ต่อมา
*ข้าไม่เห็นว่าทำไมเจ้าถึงต้องเดือดร้อนขนาดนี้*
*ฟังจดหมายนี่สิ*
*ลานสลอ๊ต
ถือจดหมายไปที่หน้าต่างและเงียบลง ขณะที่พินิจดูจดหมาย
มีอะไรที่หน้าตื้นตันอยู่ในนั้น*
*แต่เซอร์ลานสล๊อต
ยอดอัศวินผู้สูงส่งโดยที่ข้าได้ประจักษในชีวิตของข้า ข้า-เซอร์การเวก
อัศวินโต๊ะกลมโอรสของพระเจ้า ล๊อต แห่งอ๊อกนีย์
บุตรแห่งพระเชษฐ์ภคินีแห่งพระเจ้าอยู่หัวอาณ์เธอร์ผู้ประเสริฐ
ขอแสดงความเคารพมายังท่าน*
*และข้าขอให้โลกทั้งโลกตระหนักว่า
ข้าเซอร์การเวก ขอตายด้วยน้ำมือของท่าน และมิใช่ด้วยเจตนาของท่าน แต่เป็นเจตจำนงของข้าเอง ข้าขอวิงวอนให้ท่าน เซอร์ลานสล๊อต
กลับสู่ราชอาณาจักรแห่งนี้อีกครั้ง เพื่อมาเยี่ยมหลุมศพของข้า
และสวดภาวนาให้แก่หลุมศพที่ข้านอนรอคอยท่านอยู่โปรดภาวนาให้แก่ดวงวิญญาณของข้าด้วยข
และวันนี้ที่ข้าเขียนสาสน์ฉบับนี้
ข้าบาดเจ็บถึงฆาตด้วยบาดแผลที่มาจากน้ำมือท่าน เซอร์ลานสล๊อต ด้วยข้าพอใจที่จะไม่ถูกสังหารด้วยบุคคลผู้ประเสริฐไปกว่านี้อีกแล้ว.
*นอกจากนั้น เซอร์ลานสล๊อต
เพื่อความรักที่มีอยู่ระหว่างเรา....*
ลานสล๊อต
หยุดอ่านและโยนสาสน์ลงบนโต๊ะ *เอา* เขาบอก *ข้าอ่านต่อไปไม่ไหวแล้ว
เขาขอให้ข้ารีบเดินทางไปเพื่อช่วยพระเจ้าอยู่หัวต่อสู้กับน้องชายของเขาและญาติคนสุดท้ายของเขา
การเวกรักญาติของเขามากนะ บอร์ และท้ายที่สุดเขาก็ไม่เหลือใครเลย แต่เขายังเขียนมายกโทษให้ข้า
เขาบอกด้วยซ้ำว่าเป็นความผิดของเขาเอง
พระเจ้าทรงทราบว่าเขาเป็นพี่ชายที่ดีเหลือเกิน*
*แล้วเราจะทำอย่างไรเรื่องพระเจ้าอยู่หัว*ฃ*เราต้องไปอังกฤษให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
มอร์เด็รดถอยทัพไปที่แกรนเบอรี่แล้ว
เขากำลังจะออกศึกครั้งใหม่ที่นั่น
ตอนนี้มันอาจจะจบลงแล้วก็ได้
ข่าวนี้มาถึงล่าช้าเพราะติดพายุ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความเร็วแล้ว*
/เบลโอเบริสบอกว่า
*ข้าจะไปดูเรื่องม้า
เราจะออกเรือกันเมื่อไหร่*
*พรุ่งนี้ คืนนี้ เดี๋ยวนี้เลย
เมื่อลมซาลง เร็วเข้าเถิด*
*แล้วเจ้านะบอร์ส เรื่องเสบียง*
*ตกลง*
บอร์สซึ่งเหลืออยู่คนเดียวกับลมพายุ
หยิบจดหมายขึ้นมาอย่างกระหายไคร่รู้ เขาตะแคงจดหมายลงรับแสงไฟทีเริ่มจะอ่อน
เขาสะกดตอนท้ายจดหมาย ปากขยับอ่านคำ
*และวันที่ข้าเขียนจดหมายฉบับนี้
เพียงสองชั่วโมงครึ่งก่อนความตายมาถึง เขียนด้วยลายมือของข้าเอง
และจารึกนามไว้ด้วยเลือดจากหัวใจข้า
การเวกแห่งอ๊อกนีย์*
สงคราม......พวกเขาเอาแต่พูดว่า...*สงครามครั้งนี้จะเป๊นสงครามครั้งสุดท้าย*
และหลังจากนั้นโลกก็จะเป็นสรวงสวรรค์
พวกเขาเอาแต่จะสร้างดฃกใหม่ขนิดที่ไม่เคยมีใตรพานพบมาก่อน ครั้นเมื่อเวลามาถึง พวกเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
เหมือนเด็กสร้างบ้าน พวกเขาไม่รู้วิธีจะเลือกวัสดุที่เหมาะสม
ความคิดของบุรุษสร้างชาติดำเนินไปด้วยความยากลำบาก
ไม่ได้ไปถึงไหนเลย แล้วก็ย้อนกลับมาทางเดิม แล้วก็แล่นไปทางเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก่อนที่จะก้าวเข้าไปสู่ห้วงความคิดอีกวงหนึ่ง พระองค์จะหยุดคิดเรื่องนี้เสียไม่ได้
กษัตริย์อาร์เธอร์ทรงเหนื่อยล้าอ่อนระโหย พระองค์สิ้นแรงจากศึกสองครั้ง
ครั้งแรกที่ช่องแคบโดเวอร์ ครั้งที่สองที่บาร์รอมดาวน์
พระมเหสีกำลังตกเป็นนักโทษอยู่ที่หอคอยแห่งกรุงลอนดอล
พระสหายเก่าแก่ของพระอง๕ถูกขับออกจากแผ่นดิน
พระราชโอรสพยายามจะปลงพระชนม์พระองค์ อัศวินการเวกถูกฝังไปแล้ว อัศวินโต๊ะกลมแตกกระจายหายสูญไปทั้งโต๊ะ ประเทศตกอยู่ในสงคราม
โดยทางใดทางหนึ่งพระองค์จะต้องทนทานแบกรับสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ได้ด้วยหลักยึดในจิตใจ
นานมาแล้วที่พระอง๕ได้รับการสั่งสอนจากผู้เฒ่าเมอร์ลินโดยเชื่อว่า
มนุษย์นั้นจะปฎิรูปให้เป็นคนสมบูรณ์แบบได้
โดยรวมแล้วมีคุณธรรมมากกว่าความป่าเถื่อนเยี่ยงเดรฉาน
สิ่งทีเรียกว่าบาปดั้งเดิมไม่มีตัวตน
พระอง๕ในฐานะกษัตริย์ได้รับการหล่อหลอมให้เป็นผู้ช่วยเหลือมนุษย์
คูณูประการที่พระองค์ถูกลิขิตมาคือการต่อสู้กับอำนาจ...ซึ่งเกิดจากการมีอคติด้วยจิตใจที่เจ็บป่วยของมนุษย์
พระราชดำริเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมอัศวินโต๊ะกลมของพระองค์
พระองค์เปรียบเสมือนผู้วิเศษที่มุ่งหมายจะติดตามผลการวิจัยมะเร็งร้ายตลอดพระชนม์ชีพ
อำนาจเพื่อยุติมันลงและทำให้มนุษย์ชาติมีความสุขขึ้น แต่โครงสร้างทั้งหมดมีสัมพันธ์กับสมมุติฐานอันแรกว่ามนุษย์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐดีงามเยียงเสือโคร่งที่ถูมนุษย์เลี้ยงมาแต่กำเนิดให้เป็นสัตวืประเสริฐ
เมื่อมองย้อนกลับมาในพระชนม์ชีพ
ดูเหมือนว่าพระองค์ทรงดันรนมาตลอดเพื่อจะสร้างเขื่อนโดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันอุทกภัย
ซึ่งตรวจพบรอยแตกร้าวอยู่เสมอๆ ทำให้ต้องมีงานใหม่ทำอีกเรื่อยๆ
เหมือนกระสน้ำเมื่อท่วมจากที่สูงก็ย่อมไหลต่อไปยังที่ต่ำ
ครั้นพระองค์ทรงอภิเษกสมรส พระองค์ทรงใช้พละกำลังในการสู้รบกับพวกชาวเกล
เพียงเพื่อสอนพระอง๕เองว่าการทำผิดสองครั้งผลลัพธ้จะไม่ได้เป็นถูกหนึ่งครั้ง
แต่ด้วยอัศวินตกกลมของพระอง๕จนสามารถสยบความแบ่งแยกอันก็ให้เกิดสงครามศักดินาสวามิภักดิ์ได้สำเร็จ
และทรงพยายามควบคุมทรราชในรูปแบบย่อยโดยนำอำนาจของทรราชมาใช้ให้เป็นประโยชน์
เพื่อจัดการกับความชั่วร้ายพระองค์ทรงให้อัศวินของพระองค์ไปจัดการปราบอิทธืพลของเหล่าบารอนและบารอนเนสเหล่านั้น
จนกระทั่งกาลเวลาผ่านไปก็ได้บรรลุจุดหมายแล้ว พวกเขาทำตามคำบัญชาของพระองค์
แต่พลังอำนาจของพระองค์ที่มีอยู่เกิดปฎิกริยาลุกโซ่จนนอกเหนือการควบคุม
ดังนั้นพระอง๕จึงต้องแสวงหาช่องทางใหม่
โดยส่งพวกเขาอัศวินเหล่านั้นไปปฎิบัติภารกิจของพระเจ้าเพื่อแสวงหาจอกศักดิ์สิทธิ์
เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่เป็นนามธรรมเพราะพวกอัศวินบ้างก็ล้มเหลวและบ้างก็สำเร็จอรหันต์และปล่อยวางโดยหลุดพันไปจากโลก...